อาชีพ ของ พัก กึน-ฮเย

สมาชิกรัฐสภา

พักได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาในนามของพรรคแกรนเนชันแนล (จีเอ็นพี) จากเขตเลือกตั้งอำเภอดัลซ็อง, แดกู ในปี พ.ศ. 2541 และได้รับเลือกตั้งจากเขตเดียวกันอีกสามครั้งในปี พ.ศ. 2543, พ.ศ. 2547 และปี พ.ศ. 2551 เธอดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาติดต่อกันจนกระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เธอได้ประกาศว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาทั่วไปของเกาหลีใต้ครั้งที่ 19 ไม่ว่าจะเป็นในเขตดัลซ็อง หรือไม่ว่าในเขตใดก็ตาม แต่จะลงเลือกตั้งในระบบสัดส่วนในนามพรรคแซนูรีแทน เพื่อที่จะหาเสียงในการดำรงตำแหน่งผู้นำพรรค[13] เธอได้รับเลือกตั้งในระบบสัดส่วนในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555

สมาชิกรัฐสภาจากพรรคจีเอ็นพี และ "ราชินีแห่งการเลือกตั้ง"

เนื่องจากความล้มเหลวในการยื่นถอดถอนประธานาธิบดีโน มู-ฮย็อน และกรณีการรับสินบนอื้อฉาวของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี พ.ศ. 2545 อี เฮว-ชัง (เรื่องราวเปิดเผยปี พ.ศ. 2547) พรรคจีเอ็นพีเผชิญกับการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งทั้งไปปี พ.ศ. 2547 พักได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นผู้นำในการเลือกตั้ง โดยจีเอ็นพีสูญเสียที่นั่งสำคัญแต่ก็ยังได้รับเลือกตั้ง 121 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากภายใต้สถานการณ์ที่พรรคไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากสาธารณชน[14][15] ในฐานะหัวหน้าพรรคจีเอ็นพี พักมีส่วนช่วยให้ตัวแทนพรรคจีเอ็นพีชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในเขตสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2549

ระหว่างการหาเสียง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 จี ชุง-โฮ ชายวัย 50 ปี ผู้มีคดีอาญาติดตัว 8 คดี ได้กรีดหน้าพักโดยใช้มีดอเนกประสงค์ ทำให้เกิดแผลยาว 11 เซนติเตร และต้องเย็บถึง 60 เข็ม รวมถึงต้องผ่าตัดเป็นเวลาหลายชั่วโมง[16][17] โดยเรื่องดังกล่าวกลายเป็นเรื่องเล่าอันโด่งดังในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ คำพูดแรกที่เธอพูดกับเลขานุการของเธอภายหลังจากการพักฟื้นจากบาดแผลแล้วว่า "แทจ็อนเป็นอย่างไรบ้าง?" ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้พรรคแกรนด์เนชันแนลชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแทจ็อน ในระหว่างที่เธอเป็นหัวหน้าพรรคจีเอ็นพี ระหว่างปี พ.ศ. 2547 - พ.ศ. 2549 พรรคชนะการเลือกตั้งซ่อมและการเลือกตั้งทั่วไปทั้งหมด 40 ครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามและอิทธิพลของเธอ ทำให้เธอได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งการเลือกตั้ง"[18][19][20]

ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 พักได้เยือนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ เคมบริดจ์ (รัฐแมสซาชูเซตส์), สหรัฐอเมริกา อย่างเอิกเกริก จุดสุดท้ายเธอได้กล่าวสุนทรพจน์ให้กับผู้ฟังที่ วิทยาลัยรัฐศาสตร์ของฮาร์วาร์ด (John F. Kennedy School of Government) โดยเธอได้กล่าวว่าจะรักษาเกาหลี และจะสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกาให้แนบแน่นขึ้น[21][22]

การเสนอตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ปี พ.ศ. 2550

พักมีความหวังว่าจะเจริญรอยตามความสำเร็จของบิดาเธอโดยการป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธาธนาธิบดีในนามพรรคแกรนด์แนชัลแนล[23] แต่เธอก็ได้พ่ายแพ้ต่อ อี มย็อง-บัก เพียงไม่กี่คะแนน โดยอีโดดเด่นตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลเลือกตั้งขั้นต้น แต่พักสามารถไล่ตามมาได้จากข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงของอี โดยพักสามารถชนะการเลือกตั้งในการเป็นตัวแทนในระดับสมาชิกของพรรค แต่พ่ายแพ้แก่อีในการเลือกตั้งตัวแทนพรรคระดับชาติ ซึ่งมีสัดส่วนจำนวนคะแนนสูงในการเลือกตั้งตัวแทนทั้งหมด

การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2551

ภายหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2550 ประธานาธิบดี อี มย็อง-บัก ก่อตั้งทีมรัฐบาลจากบุคคลใกล้ชิด[24] ด้านผู้สนับสนุนพักโต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการโต้ตอบโดยการแก้แค้นทางการเมืองและพวกเขาควรถอนตัวออกจากพรรคแกรนด์แนชั่นแนล[25] โดยพวกเขาได้ก่อตั้งพรรคพันธมิตรความหวังแห่งอนาคต และพรรครวมผู้สนับสนุนพักอิสระ (친박 무소속 연대; ชิน พัก มูโซซก ย็อนแด) พักได้กล่าวด้วยตนเอกว่าจะไม่เข้าร่วมพรรคดังกล่าว แต่ได้ให้การสนับสนุนทางอ้อมต่อพวกเขาโดยประกาศว่า "ฉันหวังว่าพวกเขาเหล่านี้จะกลับมาอย่างมีชีวิตชีวา" ภายหลังจากการถอนตัวออกจากพรรครั้งใหญ่ดังกล่าว พวกเขาได้ประกาศว่าอยากกลับเข้าพรรคจีเอ็นพีภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป แต่ทางจีเอ็นพีได้ห้ามบุคคลดังกล่าว ในการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2551 กลุ่มผู้ต่อต้านชนะไป 26 ที่นั่ง โดย 14 ที่นั่งเป็นของพรรคพันธมิตรความหวังแห่งอนาคต และ 12 ที่นั่งเป็นของพรรคอิสระ ทั้งสองพรรคได้แสดงบทบาทที่สำคัญในการชิงชัยที่นั่งสำคัญของพรรคจีเอ็นพี พักยืนกรานว่าจีเอ็นพีควรอนุญาตให้ผู้ที่สนับสนุนเธอกลับเข้าพรรค ในปี พ.ศ. 2554 กลุ่มผู้ต่อต้านเกือบทั้งหมดได้กลับข้าพรรคจีเอ็นพี ทำให้มีผู้สนับสนุนพรรค 60 ถึง 70 ที่นั่ง จากทั้งหมด 171 ที่นั่งของจีเอ็นพี

หัวหน้าพรรคแซนูรี

เพื่อตอบสนองต่อความนิยมที่ลดลงของพรรคแกรนด์แนชั่นแนล พรรคได้ตั้งคณะกรรมการฉุกเฉินและเปลี่ยนชื่อพรรคจากแกรนด์แนชั่นแนล เป็นพรรคแซนูรี ซึ่งมีความหมายว่า "ขอบแดนใหม่"[13] ในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 พรรคได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฉุกเฉินของพรรคจีเอ็นพี และเป็นหัวหน้าพรรคทางพฤตินัย

การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2555

พรรคแซนูรีสามารถสร้างความประหลาดใจได้ด้วยการเอาชนะพรรครวมประชาธิปไตย ฝ่ายค้านได้ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2555 โดยได้ไป 152 ที่นั่ง และยังรักษาที่นั่งสำคัญเอาไว้ได้ เพราะว่าเหตุกาณณ์อื้อฉาวเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาลอี มย็อง-บัก ได้รับการเปิดเผยก่อนการเลือกตั้ง ทำให้พรรคแซนูรีได้รับการคาดการณ์ในวงกว้างว่าจะได้ไม่เกิน 100 ที่นั่ง.[26] ระหว่างช่วงการหาเสียง 13 วัน พักเดินทางมากกว่า 7,200 กิโลเมตร ทั่วทั้งเกาหลีใต้มากกว่า 100 เขตเลือกตั้ง [27] จากความเห็นพ้องต้องกันของสื่อเกาหลีใต้และผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองชี้ให้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่เป็นองค์ประกอบสำคัญทำให้พรรคแซนูรีได้รับชัยชนะคือความเป็นผู้นำของพัก สำหรับเหตุผลนี้ การเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2555 จึงได้รับการขนานนามว่า "การกลับมาของราชินีเลือกตั้ง"[26][28] พรรคแซนูรีเอาชนะการเลือกตั้งได้ในเฉพาะเขตที่มีประชากรหนาแน่นของโซล แต่อย่างไรก็ตามผลในครั้งนี้ก็ได้แสดงขอบเขตจำกัดถึงอิทธิพลทางการเมืองของพัก[26]

ช่วงรณรงค์หาเสียงลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2555

พักเป็นผู้นำสำหรับการเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2555 ในทุกๆ เขตเลือกตั้งระดับชาติของเกาหลีใต้ระหว่างปี พ.ศ. 2551 เมื่อรัฐบาลของอี มย็อง-บัก เริ่มบริหารงาน และเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 โดยได้รับคะแนนนิยม 25 ถึง 40 เปอร์เซนต์ มากกว่าคู่แข่งอันดับสองถึงเท่าตัว ระดับความนิยมของพักเพิ่มขึ้นมากขึ้นสูงสุดภายหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2551 ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนั้นได้แสดงอิทธิพลทางการเมืองของเธออย่างเด่นชัด ส่วนคะแนนนิยมในช่วงที่ตกต่ำที่สุดของเธอเกิดขึ้นช่วงต้นปี พ.ศ. 2553 จากท่าทีของเธอที่ต่อต้านรัฐบาลของอีจากกรณีเมืองเซจง[29] ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 อัน ช็อล-ซู อดีตนักธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์และคณะบดีโรงเรียนวิทยาศาสตร์บรรจบและเทคโนโลยีที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ได้แสดงตนที่จะเป็นผู้สมัครอิสระสำหรับการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี ในผลการสำรวจระดับชาติในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 อันและพัก กึน-ฮเย มีคะแนนนิยมใกล้เคียงกันในการเป็นผู้นำ และยังส่งผลให้พักสูญเสียคะแนนิยมอันดับหนึ่งในผลการสำรวจของบางสำนักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551[30]

ภายหลังการชนะของเธอในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2555 คะแนนนิยมของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากผลการสำรวจระดับชาติของสถาบันวิจัยโมโนเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม[31] ทำให้พักมีคะแนนิยมสูงสุดที่ 45.5% เมื่อเทียบกับคู่แข่งคนอื่นๆทั้งหมดแล้ว และจากผลการสำรวจความนิยมระดับชาติครั้งหลัง พักก็มีคะแนนิยมสูงกว่าอันแล้ว โดยพักได้คะแนนนิยม (50.6%) และอันได้ (43.9%)[32] ในวันที่ 10 กรกฎาคม พักได้ประกาศอย่างเป็นทางการที่จะเสนอตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จะมีขั้นในปี พ.ศ. 2555 ที่ไทม์ แสคว์ เขตย็องดึงโพ กรุงโซล ในการประกาศครั้งนี้เธอได้เน้นย้ำในการไล่หาความสุข, เศรษฐกิจประชาธิปไตย และแก้ไขเรื่องสวัสดิการสังคมของประชาชนชาวเกาหลีใต้[33]

ส่วนคู่แข่งของเธอจากพรรคประชาธิปไตย มุน แจ-อิน ได้ประกาศตัวชิงตำแหน่งประธายาธิบดีในวันที่ 17 กันยายน และอัน ช็อล-ซู ได้ประกาศเสนอตัวในวันที่ 19 กันยายน ในการแข่งคะแนนนิยมแบบตัวต่อตัวนั้น พักได้รับคะแนนิยมน้อยกว่าทั้งอัน และมุนจากผลสำรวจความนิยมระดับชาติ เมื่อวันที่ 22 กันยายน.[34] แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเธอได้รับการเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ด้วยคะแนน 51.6%

จุดยืน

ประธานาธิบดี พัก กึน-ฮเย (ตรงกลาง) ยิ้มและแสดงรูปภาพที่วาดโดยเด็กสาวที่ช็องวาแด, โซล, ใน งานวันเด็กแห่งชาติ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

จากผลการสำรวจของสถาบันวิจัยเกาหลีได้ประเมินทัศนคติของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2555 ทั้ง 12 คน นั้น พัก เป็นผู้สมัครที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยมมากที่สุด[13][35]

ความอนุรักษ์นิยมของเธอได้แสดงให้เห็นในการเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี พ.ศ. 2551 ที่เธอมุ่งเน้นทำการตลาดโดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดภาษี, ลดมาตรการควบคุม และเพิ่มการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ[36] อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 พักเริ่มมุ่งนโยบายไปยังประเด็นสวัสดิการสังคม, สนับสนุนการแก้ไขบริการสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนชาวเกาหลีใต้[36]

พักเป็นที่รู้กันว่าเธอมีความเคร่งครัด, ไม่มีการประนีประนอมต่อสัญญาทางการเมือง เช่น ในปี พ.ศ. 2553 เธอประสบความสำเร็จในการยุติแผนของรัฐบาลอี มย็อง-บักในการสร้างเมืองเซจง ศูนย์กลางการปกครองของรัฐบาลแห่งใหม่ โดยโต้เถียงว่าแผนดังกล่าวเป็นการสร้างสัญญาทางการเมืองกับประชาชน ความขัดแย้งระหว่างพักกับรัฐบาลของอีทำให้ความนิยมของเธอในพรรคตกต่ำลงในช่วงเวลาดังกล่าว[37] แต่พักให้เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างสนามบินแห่งใหม่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2551 จากผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ แต่ได้ยกเลิกคำมั่นสัญญาดังกล่าวไปในปี พ.ศ. 2554 โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถดำเนินแผนการดังกล่าวได้เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ[38]

วิสัยทัศน์การบริหารงานของรัฐบาลพัก กึน-ฮเย เมื่อเข้ารับตำแหน่งใหม่คือ "ยุคสมัยใหม่แห่งความหวังและความสุข" 5 เป้าประสงค์หลักของการบริหารงานคือ "งาน-ศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์", "การจ้างงานที่เหมาะสม และสวัสดิการสังคม", "การศึกษาเชิงสร้างสรรค์และการเสริมสร้างวัฒนธรรม", "ความปลอดภัยและสหสังคม" และ "มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี" รัฐบาลของพักมีแผนที่จะสร้างความเชื่อใจ, ความขาวสะอาด และเป็นรัฐบาลที่มีความสามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆได้ โดยสัมพันธ์กับกลยุทธ์และงานต่างๆ[39]

พักตัดสินใจไม่ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ค.ศ. 2017[40]

แหล่งที่มา

WikiPedia: พัก กึน-ฮเย http://www.theaustralian.com.au/news/world/conserv... http://www.abc.net.au/news/2014-04-08/australia-si... http://www.amazon.com/Legacy-Ashes-The-History-CIA... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/748643 http://www.bbc.com/news/world-asia-34876444 http://biz.chosun.com/site/data/html_dir/2012/04/0... http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2006/... http://www.cnn.com/2014/05/18/world/asia/south-kor... http://news.donga.com/3/all/20120710/47651073/1 http://news.donga.com/3/all/20120716/47788962/1